Tomb Raider ภาพยนตร์แนวแอ็กชันผจญภัยในตำนานที่กลับมาอีกครั้ง ซึ่งในภาคนี้ได้ดัดแปลงเรื่องราวมาจากเกมชื่อดังของค่าย Square Enix ซึ่งกำกับโดย รอร์ อูธัก ผู้กำกับชาวนอร์เวย์ ที่มีผลงานดังอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Wave (2015) และในครั้งนี้ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวของลาร่า ครอฟท์ได้อย่างน่าติดตาม ซึ่งเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตัวละครนี้ชัดเจนมากขึ้นจนนับว่าเป็น ลาร่า ครอฟท์ ที่ค่อยๆ เติบโตจากวัยรุ่นสาวที่ไร้จุดหมายได้มากลายเป็นนักผจญภัยลล่าสมบัติตามรอยเท้าของคุณพ่อในอดีตอีกครั้ง
สำหรับ Tomb Raider ในภาคนี้จะเล่าเรื่องราวของ ลาร่า ครอฟท์ สาวผู้กล้าที่เป็นถึงขั้นลูกสาวของนักสำรวจโบราณคดีที่หายตัวไปอย่างลึกลับ จนวันหนึ่งเธอได้รับจดหมายจากพ่อของเธอที่หายไปนาน ที่พาเธอไปยังเกาะลึกลับแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และได้พบกับกลุ่มนักโบราณคดีที่พยายามค้นหาสมบัติล้ำค่าของชาวซามูไร ก่อนที่จะถูกโจมตีโดยกลุ่มอาชญากรที่นำโดยแกนนำอย่าง ริคาร์โด มอนเตโร ลาร่าจึงต้องร่วมมือกับนักโบราณคดีกลุ่มนี้เพื่อหยุดยั้งมอนเตโรและปกป้องสมบัติอันล้ำค่า
มาเริ่มต้นกันที่งานภาพและซีจีก่อนเลย บอกเลยว่าสำหรับ Tomb Raider ในเวอร์ชั่นภาคนี้เป็นการยกระดับตั้งแต่ต้นฉบับในภาคก่อนๆ ของเวอร์ชั่นภาพยนตร์ได้ดีมาก ฉากต่างๆ ที่ทำออกมาได้สมจริงมากขึ้น ซึ่งเรารู้สึกได้เลยว่ากำลังผจญภัยล่าสมบัติอยู่จริงๆ ทั้งฉากในป่าและการต่อสู้บนเกาะลึกลับ ที่สำคัญเรื่องราวก็สนุกมากอีกด้วย มีความเข้มข้นและเนื้อหาน่าติดตามจริงๆ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับต้นฉบับจากเวอร์ชั่นเกมล่าสุดจากค่าย Square Enix ที่สร้างเรื่องราวในไทม์ไลน์ใหม่ออกมาได้ดีมาก
ตัวละครอย่าง ลาร่า ของเราในเวอร์ชั่นนี้ก็ได้นักแสดงนำอย่าง อลิเซีย วิกันเดอร์ ที่เล่นได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากบู๊ หรือบทแข็งๆ ดราม่าก็ทำซีนอารมณ์ได้เต็มๆ เรียกว่าฝีมือรอบด้าน แต่น่าเสียดายตรงที่อกไม่ตู้มเท่ากับต้นฉบับอย่างนักแสดงในเวอร์ชั่นภาคก่อน แองเจลิน่า โจลี่ ทำเอาแฟนบอยของซีรีส์เรื่องนี้ต้องเสียดายไปตามๆ กัน
สำหรับเวอร์ชั่นนี้ของทูมเรเดอร์ ถือว่าน่าเสียดายอยู่เรื่องเดียวตรงที่บทสรุปช่วงฉากท้ายๆ ของหนังค่อนข้างจบง่ายไปหน่อย ด้วยความที่เรื่องราวถูกบีบอัดมาเยอะเกินไป จนทำให้เล่าได้ไม่ครบ เลยต้องรีบสรุปเรื่องราวเร็วเกินไปนิด อีกทั้งเมื่อนำไปเทียบกับเนื้อหาต้นฉบับจากเกมในภาคนี้บอกเลยว่าตัดรายละเอียดสำคัญต่างๆ ไปเยอะมาก อย่างประวัติของวัตถุลึกลับและดินแดนบนเกาะแห่งนี้ที่มาผจญภัยก็ไม่ได้ใส่มาเพียบ แต่ถ้าไม่ได้เล่นเวอร์ชั่นเกมมาก่อนก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปสักเท่าไร เรียกว่ายังทำได้ค่อนข้างโอเคทีเดียว
สุดท้ายแล้วอยากให้คอหนังที่ชื่นชอบแนวผจญภัย หรือใครก็ได้ที่อยากรับชมหนังสนุกๆ เข้มเข้น ลุ้นน่าติดตามสักเรื่อง Tomb Raider นี่ก็น่าจะถูกใจแน่นอน เพราะเชื่อว่าเข้าได้กับผู้ชมทุกท่าน เนื้อหาหนังไม่ได้รุนแรงจนเกินไป ความสนุกตื่นเต้นจัดเต็มแน่นอน ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องดูเวอร์ชั่นเกมหรือหนังจากภาคก่อนมาก็เข้าใจเรื่องราวได้ เพราะในภาคนี้ถือเป็นการยกเค้าเรื่องปูเรื่องราวกันใหม่ทั้งหมดแต่ใช้ตัวละครเดิมนั่นเอง